http://tradercode.blogspot.com/

tradercode

วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

Inv 1 : 04/03/54

วันศุกร์ที่ 04 มีนาคม 2554
TUF



เหตุผลที่ซื้อ TUF
ทางด้าน Technical เพราะ
1. เมื่อวันที่ 2 มีนาคม TUF ได้ลงไป Low ต่ำสุด 38.5 ก่อนที่จะมีแรงซื้อกลับขึ้นมา และปิดโดตอน Call Market ขึ้นมา 0.50 จาก 39.75 มาปิดที่ 40.25
2. Oscillators บางตัวมีสัญญาณเริ่มกลับตัวแล้ว
2.1 มี %R เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ โดยปรับตัวจาก -91 ขึ้นมาเป็น -75... เป็นสัญญาณ Buy Signal
2.2 Fast Stochastic %K ตัดเส้น %D ขึ้นมาแล้ว... เป็นสัญญาณ Buy Signal
2.3 ADX DI+ กลับจากลง เริ่มขยับขึ้นมาแล้ว... สัญญาณ เตรียมพร้อม
2.4 CCI รอสัญญาณให้ตัดเส้น -100 ขึ้นมา

ทางด้าน Fundamental เพราะ
1. ผลจากการรวมธุรกิจกับ MWB ซึ่งจะส่งผลบวกในแง่ของการมีฐานการผลิตและแหล่งวัตถุดิบหลายแห่ง อีกทั้งเพิ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของตนเองและขยายตลาดไปยังยุโรปมากขึ้นซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการ พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ
2. TUF ประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.34 บาท/หุ้น (XD 22 มี.ค.)
3. แต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.6 เท่าและคาดว่าจะลดลงเหลือ 1 เท่าในอีก 3 ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้ TUFสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรได้
4. คาดผลการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 54 จากการรวบงบการเงินเข้ากับ MWB (28% ของยอดขายเฉพาะ TUF)
5. AYS ประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไร 1Q54 น่าจะกลับมาเติบโต QoQ รวมถึงกำไรปี 54 ยังคงเติบโตก้าวกระโดด ผลจากการรวมงบการเงินของ MWB เข้ามาในช่วงเดือนธ.ค. ปี 53 ซึ่งจะเริ่มรับรู้ผลเต็มไตรมาสตั้งแต่ 1Q54 เป็นต้นไป

-------------------------------------------------------------
FSS - TUF: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุมเช้านี้ ซึ่งเชื่อว่าผ่านกำไรต่ำสุดใน 4Q10 ไปแล้ว คาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q11 เป็นต้นไป / ราคาเป้าหมาย 60 บาท แนะนำ ซื้อ
TUF: เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุมเช้านี้ ซึ่งเชื่อว่าผ่านกำไรต่ำสุดใน 4Q10 ไปแล้ว คาดกำไรฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q11 เป็นต้นไป
- จากการประชุมนักวิเคราะห์เช้านี้ เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการฟื้นตัวของกำไรมากขึ้น และเชื่อว่า Consensus ต่างมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นด้วย
- ผ่านกำไรต่ำสุดใน 4Q10 แล้ว และคาดกำไรจะฟื้นตัวตั้งแต่ 1Q11 เป็นต้นไป อยู่ที่ราว 600 – 700 ล้านบาท (+70% - 90% Q-Q) หลังจากรวมกำไร MWB เต็มไตรมาส และปรับราคาขายทั้งในไทยและต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว โดยคาดเห็นกำไรปีนี้สูงสุดใน 3Q11
- คาดกำไรปี 2011 อยู่ที่ระดับ 4.0 พันล้านบาท +40% Y-Y จากการรวม MWB เต็มปี
- ราคาเป้าหมาย 60 บาท แนะนำ ซื้อ


บล.กิมเอ็ง : TUF แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมปรับใหม่เท่ากับ 58.50 บาท
ปรับประมาณการสะท้อนกำไรที่ชะลอตัวแต่ยังแนะนำซื้อ อัตรากำไรทีปรับตัวลดลงมากส่งผลให้กำไรไตรมาส 4/53 ลดลงถึง 51% จากราคาวัตถุ ดิบเพิ่มขึ้นและมีความผันผวนรวมทั้งผลกระทบจากการรวม MWB แม้เรามีการปรับลดประมาณ การแต่กำไรปีนี้ยังมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากการรวม MWB เข้ามาเต็มปีและ การปรับราคาขายสินค้าสะท้อนถึงต้นทุนที่สูงขึ้น บริษัทประกาศเงินปันผล 0.34 บาท/หุ้น ราคา เหมาะสมอิง PER 14 เท่าปรับลดลงเป็น 58.50 บาท ยังคงคำแนะนำ ซื้อ

อัตรากำไรที่ลดลงบั่นทอนผลประกอบการไตรมาส 4/53
TUF มีกำไรสุทธิไตรมาส 4/53 ลดลงถึง 51% yoy เป็น 352 ล้านบาทจากการที่อัตรา กำไรขั้นต้นลดลงจาก 16.2% ในไตรมาส 4/52 มาเป็น 11.8% เนื่องจากหลายประเด็น คือ
1) ราคากุ้งปรับตัวสูงขึ้นมากทำให้ต้นทุนสูงขึ้นแต่ยังมีคำสั่งซื้อตามสัญญาเดิมซึ่งยังไม่ได้ปรับราคา
2) ราคาปลาทูน่าผันผวนทำให้การบริหารต้นทุนทำได้ลำบาก
3) มีการบันทึกสินค้าคงเหลือของMW Brands (MWB) ในราคาตลาดแทนที่จะบันทึกในราคาทุน และ
4) บันทึกค่าตัดจำหน่าย
ค่าธรรมเนียมธนาคารประมาณ 25 ล้านบาทในการกู้ยืมเงินเพื่อมาซื้อ MWB อย่างไรก็ดียอดขายเติบโตถึง 20% yoy แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นถึง 9% yoy มาที่ 30 บาท/เหรียญสหรัฐ ทั้งนี้เนื่องจากการรวม MWB เข้ามาตั้งแต่เดือน พ.ย. 2553 ทำให้ยอดขายสินค้าเกือบทุกกลุ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งกุ้งแช่แข็งและทูน่ากระป๋องซึ่งเติบโตโดดเด่น ส่วนกำไรสุทธิของทั้งปี2553 ลดลง 14% เป็น 2,874 ล้านบาทจากการที่อัตรากำไรลดลงจากการที่ราคาวัตถุดิบกุ้งปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากขณะที่ราคาปลาทูน่าผันผวน อย่างไรก็ดียอดขายรวมในรูปดอลล่าร์เพิ่มขึ้น13% เป็น 2,268 ล้านเหรียญ

ผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นในปีนี้
เราเริ่มรวมงบการเงินของ MWB เข้ามาใน TUF เป็นเวลาเต็มปีตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไปแต่กำไรของ TUF คาดว่าจะต่ำกว่าที่เราได้ประเมินเบื้องต้นไว้ก่อนหน้านี้จากอัตรากำไรที่ลดลงโดยจะมีการตัดจำหน่ายค่าธรรมเนียมธนาคาร ในการกู้ยืมประมาณ 700 ล้านบาทในระยะเวลา5-6 ปีซึ่งคิดเป็นประมาณ 120-140 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ดีผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นจากปีที่ผ่านมา โดยเราคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น 39% เป็น 4,004 ล้านบาท (4.19 บาท/หุ้น)เป็นผลมาจากการทยอยปรับราคาขายตามต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นและผลจากการรวมธุรกิจกับ MWB ซึ่งจะส่งผลบวกในแง่ของการมีฐานการผลิตและแหล่งวัตถุดิบหลายแห่ง อีกทั้งเพิ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ของตนเองและขยายตลาดไปยังยุโรปมากขึ้นซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการ พึ่งพิงตลาดสหรัฐฯ

ปรับลดราคาเหมาะสมแต่ยังแนะนำ ซื้อ
TUF ประกาศจ่ายเงินปันผลอีก 0.34 บาท/หุ้น (XD 22 มี.ค.) หลังจากจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปก่อนหน้านี้รวม 1.26 บาท/หุ้น แม้มีการกู้ยืมเงินเป็นจำนวนมากแต่อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 1.6 เท่าและคาดว่าจะลดลงเหลือ 1 เท่าในอีก 3 ปีข้างหน้าซึ่งจะทำให้ TUFสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรได้ ส่วนในช่วงปี 2554-2556บริษัทมีเงื่อนไขการกู้เงินโดยสามารถจ่ายเงินปันผลได้ไม่เกิน 1.2 พันล้านบาทต่อปีจนกว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะลดลงมาอยู่ในระดับ 1 เท่า เราประเมินมูลค่าหุ้นด้วย PER 14 เท่า ราคาที่เหมาะสมปรับใหม่เท่ากับ 58.50 บาท แนะนำ ซื้อ

------------------------------------------------------
บล.กรุงศรีอยุธยา : TUF แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาพื้นฐานอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ

กำไรก่อนอัตราแลกเปลี่ยน 4Q53 เท่ากับ 224 ล้านบาท (-50%QoQ, -68%YoY)
1. TUF มีกำไรสุทธิ 4Q53 เท่ากับ 352 ล้านบาท หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (128 ล้านบาท) จะมีกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 224 ล้านบาท (-50%QoQ, -68%YoY) ต่ำกว่าประมาณการ 63% คาดว่าเกิดจากการแข็งค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ (4Q53 อยู่ที่ 30.1 บาท +4%QoQ, +11%YoY) และการปรับขึ้นของราคาวัตถุดิบทูน่า โดยราคาตลาด Skipjack Tuna เริ่มปรับขึ้นตั้งแต่ 2Q53 ทำจุดสูงสุดของปีในเดือนมิ.ย.ที่ระดับ US$1,705 ต่อตัน เพิ่ม 49% จากค่าเฉลี่ยปี 52และยังสูงถึง US$ 1,206 ต่อตัน (-12%QoQ, +32%YoY) ใน 4Q53 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือเพียง 11.8% เทียบกับ 12.5% และ 16.1% ใน 3Q53 และ 4Q52 ตามลำดับ
2. ยอดขายไตรมาสนี้โต 18%QoQ และ 20%YoY สูงกว่าประมาณการ 19% ผลจากปริมาณขายโตที่โต 17%QoQ และ 27%YoY เป็นการเติบโตแทบทุกผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ทูน่า (+50%YoY) และผลิตภัณฑ์แช่แข็ง (+80%) ส่วนราคาขายต่อหน่วยส่วนใหญ่ปรับลดลง 1%-14% QoQ คาดว่าเกิดจากนโยบายระบายสินค้าคงคลังช่วงปลายปี ขณะที่ราคาปลากระป๋องปรับขึ้นกว่า 40%QoQ คาดว่าเกิดจากผลิตภัณฑ์ของ MWB ที่เข้ามาในเดือนธ.ค. และกุ้งแช่แข็ง (+9%QoQ) ที่ราคาต่อหน่วยปรับขึ้นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันตามทิศทางในตลาดโลก

คาดกำไร 1Q54 จะกลับมาเติบโต QoQ จากการรวมงบกับ MWB
AYS ประเมินเบื้องต้นคาดว่ากำไร 1Q54 น่าจะกลับมาเติบโต QoQ รวมถึงกำไรปี 54 ยังคงเติบโตก้าวกระโดด ผลจากการรวมงบการเงินของ MWB เข้ามาในช่วงเดือนธ.ค. ปี 53 ซึ่งจะเริ่มรับรู้ผลเต็มไตรมาสตั้งแต่ 1Q54 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันแนวโน้มราคาอาหารที่ยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้นตลอดปี 54 นี้จะสนับสนุนการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับสูงขึ้น

คงคำแนะนำ “เก็งกำไร”แต่อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและมูลค่าพื้นฐาน
คาดผลการดำเนินงานจะเติบโตก้าวกระโดดในปี 54 จากการรวบงบการเงินเข้ากับ MWB (28% ของยอดขายเฉพาะ TUF) อย่างไรก็ตาม AYS แนะนำแค่ “เก็งกำไร” เพื่อรอความชัดเจนถึงทิศทางการดำเนินงานและโครงสร้างต้นทุนของ MWB หลังการรวมกิจการเข้ามาในปีนี้ กอปรกับต้นทุนวัตถุดิบทูน่า (50%-60% ของต้นทุนวัตถุดิบ) มักผันผวนตามราคาน้ำมันดิบ และยังคงคาดการณ์ทิศทางได้ยากขณะที่การปรับราคาผลิตภัณฑ์ขึ้นตามค่อนข้างล่าช้า จะเป็นปัจจัยกดดันผลการดำเนินงานปี 54 AYS อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ และมูลค่าพื้นฐานหลังการเข้ารรับฟังข้อพบผู้บริหารในวันที่ 4 มี.ค.นี้

เรียบเรียง โดย ปุณณภา นาเมืองรักษ์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com

ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 02/03/11 เวลา 9:56:19


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น